การทำไอศครีมข้าว ไอศครีมข้าว

Author: woranut00@gmail.com // Category:
การทำไอศครีมข้าว
1. ข้าวกล้องงอกปทุมธานี 1
2. ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง
3. ข้าวกล้องหอมมะลิ
4. ข้าวเหนียวดำ หรือข้าวก่ำ
5. ข้าวกล้องชนิดอื่น ๆ

ข้าวที่ใช้ทำไอศครีม

ส่วนผสม



1. น้ำข้าวกล้อง 1 กิโลกรัม
2. น้ำกะทิ 1 กิโลกรัม
3. น้ำตาลทราย 230 กรัม



วิธีทำน้ำไอศครีม

1. นำข้าวกล้องที่ต้องการมา 100 กรัม ล้างให้สะอาด
2. ปั่นกับน้ำสะอาด 1 ลิตร ด้วยเครื่องทำน้ำนมถั่วเหลือง

3. จะได้น้ำข้าวกล้องปริมาณ 1 กิโลกรัม


วิธีทำปั่นไอศครีม

1. นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ถังปั่นไอศกรีมแบบไฟฟ้า (Home mate)
2. ใส่น้ำแข็ง 3 ส่วน เกลือ 1 ส่วน รอบ ๆ ถังปั่นไอศกรีม ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
3. จะได้ไอศกรีมประมาณ 2.2 กิโลกรัม
4. นำไอศกรีมใส่กล่องแช่ตู้เย็นในช่องแช่แข็ง อย่างน้อย 3 ชั่วโมง
5. เวลารับประทานโรยหน้าด้วยข้าวอบกรอบรสต่าง ๆ

เมเปิ้ลวอลนัสไอสกรีม ส่วนผสม วิธีทำไอศครีม

Author: woranut00@gmail.com // Category:

ส่วนผสม
เมเปิ้ลไซรัป 1 ถ้วย
วิปปิ้งครีม 2 ถ้วย
เกลือป่น 3/4 ช้อนชา
ไข่ไก่ (ขนาดใหญ่) 2 ฟอง
นมสด 1 ถ้วย
วอลนัทอบ สับละเอียด 1/2 ถ้วย


วิธีทำ

1. ต้มเมเปิ้ลไซรัปด้วยไฟปานกลางนานประมาณ 5-10 นาที จนงวดลงเหลือ 3/4 ถ้วย

2. เติมวิปปิ้งครีม นมสด และเกลือป่น เคี่ยวต่อด้วยไฟปานกลาง ยกลงพักไว้ให้เย็น

3. ตีไข่ไก่ด้วยตะกร้อมือพอแตก เติมส่วนผสมครีมลงในไข่ไก่ ตีให้เข้ากันดี แล้วจึงเทใส่หม้อยกขึ้นตั้งไฟอ่อนนานประมาณ 1-2 นาที หมั่นคน ระวังอย่าให้ส่วนผสมเดือด

4. กรองส่วนผสมที่ได้ด้วยกระชอนถี่ พักไว้ให้เย็นสนิท เทใส่กล่องปิดฝาบ่มไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 3 ชั่วโมง

5. ปั่นส่วนผสมด้วยเครื่องปั่นไอศกรีมจนเริ่มแข็งตัว เติมถั่ววอลนัท ปั่นให้แข็งตัวได้ที่ เทใส่กล่องแช่ในตู้แช่ไอศกรีมจนกระทั่งแข็งที่มา:: ครัวบ้านและสวน

การทำไอศกรีม อุปกรณ์สำหรับทำไอศกรีม

Author: woranut00@gmail.com // Category:

ข้อควรรู้ของไอศกรีม



1.ไอศกรีมที่ทำรับประทานเองจะมีไขมันต่ำกว่าและมีปริมาณอากาศในเนื้อไอศกรีมน้อยกว่าไอศกรีมแบบที่ขายทั่วไป

2. ไอศกรีมที่มีส่วนผสมของไข่ไก่ มักจะต้องต้มต้ม (ตุ๋น) เพื่อให้ส่วนผสามเข้ากันดีและทำให้ส่วนผสมสุกเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

3.ไอศกรีมที่มีส่วนผสมน้ำตาลและแอลกอฮอล์มากเท่าไรจะทำให้เป็นเกล็ดน้ำแข็งได้น้อยและเนื้อเหลวเท่านั้น ถ้าใส่เกลือมากเท่าไรก็จะยิ่งใช้เวลาปั่นน้อยลง เนื้อไอศกรีมจะเป็นเกล็ดน้ำแข็งหยาบ ไม่เนียนนุ่ม แต่ถ้าใส่เกลือน้อยจะใช้เวลาปั่นนาน เนื้อไอศกรีมจะเหลว

4.ถ้าปั่นนานแล้วไอศกรีมยังเหลว ไม่แข็งตัว แสดงว่าความเย็นไม่พอให้เพิ่มเกลืออีก

5.ไอศกรีมแบบทำเองควรรับประทานทันทีหรือเก็บไว้ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ เพราะยิ่งเก็บไว้นานเท่าไรเนื้อไอศกรีมจะเนียนนุ่มน้อยลงและรสชาติจะเปลี่ยนไป เนื่องจากไม่ได้ใส่สารช่วยให้คงตัว



อุปกรณ์สำหรับทำไอศกรีม
เครื่องมือสำหรับทำไอศกรีมรับประทานเองนั้นหาไม่ยาก หากบ้านไหนที่มีอุปกรณ์ทำขนมอบอยู่แล้วก็แทบจะเรียกว่าใช้ชุดเดียวกันหมด เช่น เครื่องตีผสมเค้ก (Cake Mixer) เครื่องปั่นน้ำผลไม้และบดอาหาร (Blender) อุปกรณ์สำหรับชั่ง ตวง วัด เช่น เครื่องชั่งน้ำหนัก ถ้วยตวงน้ำและถ้วยตวงของแห้ง เป็นต้น สาเหตุที่ต้องใช้ทั้งเครื่องชั่งน้ำหนักและถ้วยตวงควบคู่กัน ก็เพราะส่วนผสมบางอย่างต้องใช้วิธีการชั่งเพื่อให้ได้สัดส่วนที่แน่นอนและสะดวก

เครื่องมือเฉพาะสำหรับการทำไอศกรีม คือ เครื่องปั่นไอศกรีม หรือเครื่องทำไอศกรีม (Ice Cream Maker) ซึ่งมีหลายแบบ เครื่องที่มีขายอยู่ในไทย เช่นเครื่องปั่นไอศกรีมแบบใช้น้ำแข็งชนิดมอเตอร์อยู่ด้านบน เครื่องปั่นไอศกรีมชนิดไม่ใช้น้ำแข็ง แต่ใช้หลักการนำถังไอศกรีมไปแช่แข็งให้เย็นจัดแล้วจึงนำมาปั่นไอศกรีม โดยไม่ต้องใช้น้ำแข็งกับเกลือใส่รอบโถปั่น ไม่ค่อยนิยมแพร่หลาย เพราะต้องแช่โถในตู้แช่แข็งนานหลายชั่วโมงก่อนจึงจะนำมาปั่นไอศกรีมได้การทำงานของเครื่องปั่นไอศกรีม คือการปั่นให้อากาศแทรกเข้าไปในส่วนผสมของไอศกรีม และทำให้เกิดเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆ เพราะฉะนั้นจะสังเกตว่าเนื้อไอศกรีมที่ได้จะดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการควบคุมความเย็น หรือการใส่น้ำแข็งและปริมาณเกลือนั่นเอง ถ้าใช้น้ำแข็งและเกลือน้อย ความเย็นไม่พอ เนื้อไอศกรีมก็จะเหลวเกินไป ต้องใช้เวลาปั่นนาน แต่ในทางตรงกันข้ามหากใส่น้ำแข็งและเกลือมากเกินไป ก็จะทำให้เนื้อไอศกรีมหยาบ ไม่เนียนนุ่ม (ผลึกน้ำแข็งในเนื้อไอศกรีมใหญ่เกินไป)การปั่นไอศกรีมจึงเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ที่มือใหม่หัดปั่นไอศกรีมอาจจะต้องฝึกทำหลายๆครั้ง เพื่อให้เกิดความชำนาญจนกว่าจะได้เนื้อไอศกรีมอร่อยอย่างใจ

ขนมจีบ การทำขนมจีบ ส่วนผสมของขนมจีบ

Author: woranut00@gmail.com // Category:


ขนมจีบ (สำหรับ 50 ลูก)
ส่วนผสม
กระเทียม 2 กลีบ
ขิงสดปอกเปลือก 1 แง่ง
ตะไคร้ 2 ต้น
ใบมะกรูด 8 ใบ
พริกขี้หนู 2 เม็ด
หอมแดง 12 หัว
น้ำปลา หรือซีอิ๋วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
อกไก่สับ 500 กรัม
กะทิ 4 ช้อนโต๊ะ
แผ่นเกี๊ยว (แบบบาง) 50 แผ่น
วิธีทำ
1. โขลกหรือปั่น กระเทียม ขิง ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก หัวหอมเข้าด้วยกัน จากนั้นใส่น้ำปลาหรือซีอิ๊วขาวเล็กน้อย นำใส่ในชามคลุกกับไก่สับแล้วค่อยๆเติมน้ำกะทิผสมลงไป
2. ตัดแผ่นเกี๊ยวให้เป็นแผ่นกลม วางแผ่นเกี๊ยวที่ได้ลงบนผิวโต๊ะที่แห้ง ตักไส้ 1 ช้อนชา ห่อให้ได้รูปทรงขนมจีบ นำปวางบนโต๊ะและแตะด้านบนเบาๆเพื่อให้แผ่นเกี๊ยวติดกันดีมากขึ้น
3. นึ่งในซึ้งประมาณ 8 นาที เสิร์ฟพร้อมจิ๊กโฉ่ว หรือน้ำจิ้มขิง

การทำสาลาเปา ส่วนผสมของสาราเปา

Author: woranut00@gmail.com // Category:
ซาลาเปาใส้เห็ดพริกไทยเรา
ส่วนผสม
เนสวีต้า (สูตรโปรตีนถั่วเหลือง) 1/2 ถ้วย
แป้งสาลีเอนกประสงค์ 3 ถ้วย
ยีสต์ 1 1/2 ช้อนชา
น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 2/3 ถ้วย
เนยขาว 3 ช้อนโต๊ะ
แครอท และขึ้นฉ่ายซอยเล็กๆ 2 ช้อนโต๊ะ
เห็ดหอมหั่นสี่เหลี่ยม 5 ดอก
เห็ดออรินจิหั่นสี่เหลี่ยม 1 ถ้วย
เนื้อเทียมหั่นสี่เหลี่ยม 1/2 ถ้วย
ซอสเห็ดหอม 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับผัด
พริกไทยดำบด
วิธีทำ
1. หั่นเห็ดทั้ง 2 ชนิดและเนื้อเทียมเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเตรียมไว้
2. ผัดเห็ดและเนื้อเทียมกับน้ำมันให้สุก ปรุงรสด้วยซอสปรุงรสและพริกไทยดำ ผัดให้แห้ง พักไว้ให้เย็น
3. ผสมแป้งสาลี เนสวีต้า ยีสต์ และน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน ใส่ในโถผสมเตรียมไว้
4. ค่อยๆเทน้ำใส่ลงในส่วนผสมของแห้ง นวดด้วยความเร็วปานกลางจนเข้ากันดี
5. เติมเนยขาว ขึ้นฉ่าย และแครอทซอย นวดต่อจนส่วนผสมเนียน พักแป้งไว้ 30 นาที
6. แบ่งแป้งเป็นก้อนละ 40 กรัม ตักไส้ที่ผัดไว้ ปิดตะเข็บให้สนิท วางบนกระดาษ พักไว้ 1 ชั่วโมง
7. นึ่งซาลาเปาด้วยไฟแรง ประมาณ 15 นาทีหรือจนสุก

อาหารญี่ปุ่น

Author: woranut00@gmail.com // Category:

ประเภทของเส้นในอาหารญี่ปุ่น
เส้นแบบต่างๆของญี่ปุ่นที่มีหลากรสหลากแบบ โดยแทบทุกชนิดประกอบด้วยแป้งและน้ำ อาจจะมีวัตถุดิบอื่นๆผสมลงไปเพื่อเพิ่มสี รสชาติและคุณค่ามากขึ้น เช่น เกลือ ไข่ ชาเขียว สาหร่าย ฯลฯ ส่วนกรรมวิธีการผลิตของเส้นแต่ละชนิดก็คล้ายๆกัน เริ่มจากผสมแป้ง น้ำและวัตุปรุงรสต่างๆ นวดให้เข้ากัน รีดให้เป็นแผ่น ตัดเป็นเส้น จากนั้นทำให้เส้นสุก (ถ้าเป็นเส้นแบบแห้งก็เอาไปอบหรือทอดต่อ) แล้วบรรจุถุงเพื่อรักษาให้มีคุณภาพดีพร้อมจำหน่ายจะกินแต่เส้นเปล่าๆก็ดูจะจืดชืดไปนิด ต้องมีน้ำซุปรสกลมกล่อมมาเสริมให้เส้นเหนียวนุ่มนั้นน่าลิ้มลองมากขึ้น โดยพื้นฐานการทำซุปแบบญี่ปุ่นจะไม่ใช้เนื่อสัตว์ แต่ใช้ปลาโอแห้ง (Katsuobushi) ซีอิ๊วญี่ปุ่น (Shoyu) และสาหร่ายทะเล (Kombu) เป็นส่วนประกอบหลัก ถ้าอยากจะให้เป็นซุปแบบข้นก็ใส่เต้าเจี้ยวบด (Miso) ลงไปแล้วจะแยกแยะอย่างไรว่าเส้นไหนหน้าตาเป็นอย่างไร ดูตรงนี้เลยค่ะเส้นญี่ปุ่นแบบต่างๆ
1. โซบะ (Soba) ทำจากแป้งบักวีต (Buckwheat) เส้นมีสีน้ำตาลอ่อน รสชาติอร่อยเพราะไม่ผสมแป้งชนิดอื่นลงไปมากนัก โดยทั่วไปจะเสิร์ฟพร้อมวาซาบิและสาหร่ายโนริ โซบะชนิดนี้หากเสิร์ฟแบบเย็นบนถาดไม้ไผ่จะเรียกว่า ซารุโซบะ (Zaru Soba) ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมในหน้าร้อน
2. ชะโซบะ (Cha Soba)ลักษณะเหมือนเส้นโซบะแต่มีสีเขียว เพราะทำจากบักวีตกับชาเขียว
3. อุด้ง (Udon)ทำจากแป้งสาลีผสมเกลือและน้ำเล็กน้อย นวดแล้วตัดเป็นเส้นยาว ลักษณะของเส้นกมยาวสีขาว หนานุ่ม มีขายทั้งชนิดเส้นสดและแห้ง อุด้งนั้นต่างจากโซะและราเมงตรงที่เวลากินไม่ต้องจุ่มเส้นในน้ำซุปก่อนกิน ด้วยความที่มีเส้นขนาดใหญ่และเหนียวนุ่ม จึงให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดีในหน้าหนาว
4. โซเมง (Somen)คล้ายเส้นขนมจีน สีขาวนวล แต่เส้นเล็กและบางกว่าอุด้ง ทำจากแป้งสาลี มีชื่อเต็มๆว่า "ฮิยาชิ โซเมง" (Hiyashi Somen) นิยมกินกันในฤดูร้อน โดยทำเป็นหมี่เย็นเสิร์ฟบนน้ำแข็งคู่กับซอสที่ชื่อ สึยุ (Tsuyu) ที่มีรสชาติหลักของปลาโอแห้ง ฮอนดาชิ สาเก มิริน น้ำตาล
5. ฮิยามูกิ (Hiyamugi)ฮิยา แปลว่า เย็น ส่วน มูกิ แปลว่า ข้าวสาลี รวมแล้วแปลได้ว่า "ข้าวสาลีที่กินแบบเย็นๆ" เริ่มแพร่หลายมาจากแถบคันไซ ฮิยามูกิมีขนาดเส้นเล็กใกล้เคียงกับโซเมง แต่มีความเหนียวนุ่มคล้ายกับอุด้ง และนิยมกินแบบเย็นๆ ในฤดูร้อนเช่นเดียวกับโซเมง ส่วนประกอบของเส้นคือแป้งสาลีกับน้ำเกลือ นวดแป้งและรีดให้เป็นแผ่นบาง ตัดให้เป็นเส้นก่อนนำมาพันให้เป็นก้อนก่อนลวกในน้ำร้อนและผ่านน้ำเย็น จากนั้นกินน้ำซอสเย็นแบบเดียวโซเมง
6. ราเมง (Ramen)ลักษณะเหมือนบะหมี่บ้านเรา แต่เส้นกลมสีเหลือง ได้รับอิทธิพลมาจากจีน คำว่า Ramen ออกเสียงคล้ายกับ Lo mein ในภาษาจีน ซึ่งแปลว่า เส้นต้ม (Boiled Noodles) และมักจะเสิร์ฟในน้ำซุปที่มี 4 รส ได้แก่น้ำซุปเต้าเจี้ยวญี่ปุ่น (Miso) น้ำซุปรสเกลือ (Shio) น้ำซุปซีอิ๊วญี่ปุ่น (Shoyu) น้ำซุปจากน้ำต้มกระดูกหมูน้ำข้น (Tonkotsu)
7. เส้นบุก (Shirataki)เส้นใสคล้ายวุ้นเส้น แต่เส้นใหญ่กว่า ทำจากหัวบุก (Elephant Yam) หรือ Konjac นิยมใส่ในอาหารประเภทหม้อไฟหรือสุกี้ยากี้ ก่อนนำมาทำอาหารต้องลวกในน้ำเดือดให้หมดกลิ่นคาว
8. วุ้นเส้นญี่ปุ่นลักษณะเส้นใส แต่ใหญ่กว่าเส้นวุ้นเส้นของบ้านเรา มี 2 ชนิด คือ คึสึคิริ (Kuzukiri) ซึ่งทำจากแป้งมันฝรั่งและแป้งรากสามสิบ อีกชนิดหนึ่งคือฮารุซาเมะ (Harusame) ทำมาจากแป้งมันฝรั่งและแป้งข้าวโพด โดยทั้ง 2 ชนิดต้องต้ม ประมาณ 8-10 นาที ก่อนนำมาปรุงอาหาร เช่น สุกี้ยากี้ แต่ถ้าทำเป็นแกงจืดก็ต้มไปพร้อมกับน้ำแกงได้เลย
9. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (Instant Noodles)นับเป็นสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นภาคภูมิใจมากที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เลยก็ว่าได้ มีต้นกำเนิดมาจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นเกิดภาวะขาดแคลนอาหารและได้รับบริจาคแป้งสาลีจากสหรัฐอเมริกาจำนวนมาก "โมโม-ฟุกุ อันโด" ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทนิชชิน จึงคิดนำแป้งสาลีมาแปรรูปทำเป็นเส้นบะหมี่แห้ง ซึ่งผ่านการแช่ในน้ำซุปและทอดด้วยน้ำมันร้อนจัดก่อนนำมาผึ่งให้แห้งเพื่อจะได้เก็บไว้นานๆนำมากินได้ทันทีเมื่อเติมน้ำร้อน เริ่มต้นด้วยบะหมี่รสไก่ (Chicken Ramen) เป็นรสชาติแรกที่ออกวางขาย ปัจจุบันญี่ปุ่นถือเป็นเจ้าแห่งบะหมี่สำเร็จรูป เพราะมีหลากรส หลายเส้นให้เลือกซื้อตามสะดวก เพียงฉีกซอง ใส่เครื่องปรุง ชงน้ำร้อน 3 นาที (บางทีก็น้อยกว่านั้น) ก็พร้อมกินแล้วผู้เชี่ยวชาญด้านการกิน (อาหารจำพวกเส้น) กล่าวว่า "การกินบะหมี่ให้อร่อยต้องใช้ตะเกียบคีบเส้นและยกชามเพื่อซดน้ำซุปด้วยเสียงอันดัง (อาจจะเขินกันบ้างที่กินเสียงดัง) ซึ่งถือเป็นมารยาทที่ยอมรับกันทั่วไปว่าให้เกียรติแก่คนที่ทำบะหมี่อร่อยๆให้เรากิน " ทั้งเส้นที่เหนียวนุ่มบวกกับน้ำซุปหอมหวาน บอกได้เลยคำเดียว่า เสียงยิ่งดัง...ยิ่งอร่อย
เรื่องนี้มีผู้อ่าน 29,154 คน มีผู้ตอบ 69 คน
พิมพ์หน้านี้

แล้วจะแยกแยะอย่างไรว่าเส้นไหนหน้าตาเป็นอย่างไร ดูตรงนี้เลยค่ะ

เส้นญี่ปุ่นแบบต่างๆ
1. โซบะ (Soba) ทำจากแป้งบักวีต (Buckwheat) เส้นมีสีน้ำตาลอ่อน รสชาติอร่อยเพราะไม่ผสมแป้งชนิดอื่นลงไปมากนัก โดยทั่วไปจะเสิร์ฟพร้อมวาซาบิและสาหร่ายโนริ โซบะชนิดนี้หากเสิร์ฟแบบเย็นบนถาดไม้ไผ่จะเรียกว่า ซารุโซบะ (Zaru Soba) ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมในหน้าร้อน
2. ชะโซบะ (Cha Soba)ลักษณะเหมือนเส้นโซบะแต่มีสีเขียว เพราะทำจากบักวีตกับชาเขียว
3. อุด้ง (Udon)ทำจากแป้งสาลีผสมเกลือและน้ำเล็กน้อย นวดแล้วตัดเป็นเส้นยาว ลักษณะของเส้นกมยาวสีขาว หนานุ่ม มีขายทั้งชนิดเส้นสดและแห้ง อุด้งนั้นต่างจากโซะและราเมงตรงที่เวลากินไม่ต้องจุ่มเส้นในน้ำซุปก่อนกิน ด้วยความที่มีเส้นขนาดใหญ่และเหนียวนุ่ม จึงให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดีในหน้าหนาว
4. โซเมง (Somen)คล้ายเส้นขนมจีน สีขาวนวล แต่เส้นเล็กและบางกว่าอุด้ง ทำจากแป้งสาลี มีชื่อเต็มๆว่า "ฮิยาชิ โซเมง" (Hiyashi Somen) นิยมกินกันในฤดูร้อน โดยทำเป็นหมี่เย็นเสิร์ฟบนน้ำแข็งคู่กับซอสที่ชื่อ สึยุ (Tsuyu) ที่มีรสชาติหลักของปลาโอแห้ง ฮอนดาชิ สาเก มิริน น้ำตาล
5. ฮิยามูกิ (Hiyamugi)ฮิยา แปลว่า เย็น ส่วน มูกิ แปลว่า ข้าวสาลี รวมแล้วแปลได้ว่า "ข้าวสาลีที่กินแบบเย็นๆ" เริ่มแพร่หลายมาจากแถบคันไซ ฮิยามูกิมีขนาดเส้นเล็กใกล้เคียงกับโซเมง แต่มีความเหนียวนุ่มคล้ายกับอุด้ง และนิยมกินแบบเย็นๆ ในฤดูร้อนเช่นเดียวกับโซเมง ส่วนประกอบของเส้นคือแป้งสาลีกับน้ำเกลือ นวดแป้งและรีดให้เป็นแผ่นบาง ตัดให้เป็นเส้นก่อนนำมาพันให้เป็นก้อนก่อนลวกในน้ำร้อนและผ่านน้ำเย็น จากนั้นกินน้ำซอสเย็นแบบเดียวโซเมง
6. ราเมง (Ramen)ลักษณะเหมือนบะหมี่บ้านเรา แต่เส้นกลมสีเหลือง ได้รับอิทธิพลมาจากจีน คำว่า Ramen ออกเสียงคล้ายกับ Lo mein ในภาษาจีน ซึ่งแปลว่า เส้นต้ม (Boiled Noodles) และมักจะเสิร์ฟในน้ำซุปที่มี 4 รส ได้แก่น้ำซุปเต้าเจี้ยวญี่ปุ่น (Miso) น้ำซุปรสเกลือ (Shio) น้ำซุปซีอิ๊วญี่ปุ่น (Shoyu) น้ำซุปจากน้ำต้มกระดูกหมูน้ำข้น (Tonkotsu)
7. เส้นบุก (Shirataki)เส้นใสคล้ายวุ้นเส้น แต่เส้นใหญ่กว่า ทำจากหัวบุก (Elephant Yam) หรือ Konjac นิยมใส่ในอาหารประเภทหม้อไฟหรือสุกี้ยากี้ ก่อนนำมาทำอาหารต้องลวกในน้ำเดือดให้หมดกลิ่นคาว
8. วุ้นเส้นญี่ปุ่นลักษณะเส้นใส แต่ใหญ่กว่าเส้นวุ้นเส้นของบ้านเรา มี 2 ชนิด คือ คึสึคิริ (Kuzukiri) ซึ่งทำจากแป้งมันฝรั่งและแป้งรากสามสิบ อีกชนิดหนึ่งคือฮารุซาเมะ (Harusame) ทำมาจากแป้งมันฝรั่งและแป้งข้าวโพด โดยทั้ง 2 ชนิดต้องต้ม ประมาณ 8-10 นาที ก่อนนำมาปรุงอาหาร เช่น สุกี้ยากี้ แต่ถ้าทำเป็นแกงจืดก็ต้มไปพร้อมกับน้ำแกงได้เลย
9. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (Instant Noodles)นับเป็นสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นภาคภูมิใจมากที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เลยก็ว่าได้ มีต้นกำเนิดมาจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นเกิดภาวะขาดแคลนอาหารและได้รับบริจาคแป้งสาลีจากสหรัฐอเมริกาจำนวนมาก "โมโม-ฟุกุ อันโด" ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทนิชชิน จึงคิดนำแป้งสาลีมาแปรรูปทำเป็นเส้นบะหมี่แห้ง ซึ่งผ่านการแช่ในน้ำซุปและทอดด้วยน้ำมันร้อนจัดก่อนนำมาผึ่งให้แห้งเพื่อจะได้เก็บไว้นานๆนำมากินได้ทันทีเมื่อเติมน้ำร้อน เริ่มต้นด้วยบะหมี่รสไก่ (Chicken Ramen) เป็นรสชาติแรกที่ออกวางขาย ปัจจุบันญี่ปุ่นถือเป็นเจ้าแห่งบะหมี่สำเร็จรูป เพราะมีหลากรส หลายเส้นให้เลือกซื้อตามสะดวก เพียงฉีกซอง ใส่เครื่องปรุง ชงน้ำร้อน 3 นาที (บางทีก็น้อยกว่านั้น) ก็พร้อมกินแล้วผู้เชี่ยวชาญด้านการกิน (อาหารจำพวกเส้น) กล่าวว่า "การกินบะหมี่ให้อร่อยต้องใช้ตะเกียบคีบเส้นและยกชามเพื่อซดน้ำซุปด้วยเสียงอันดัง (อาจจะเขินกันบ้างที่กินเสียงดัง) ซึ่งถือเป็นมารยาทที่ยอมรับกันทั่วไปว่าให้เกียรติแก่คนที่ทำบะหมี่อร่อยๆให้เรากิน " ทั้งเส้นที่เหนียวนุ่มบวกกับน้ำซุปหอมหวาน บอกได้เลยคำเดียว่า เสียงยิ่งดัง...ยิ่งอร่อย

อาหารเกาหลีและวิธีทำ

Author: woranut00@gmail.com // Category:
ชาจังมยอน (บะหมี่ดำ)ชาจังมยอนจะเป็นอะไรที่เห็นได้ง่ายมากในละครและหนังเกาหลี อย่างเช่นเรื่อง กุงเอส ที่เซเว่นเป็นเด็กส่งชาจังมยอน แถมฉากแรกยังมีโชว์การทำชาจังมยอนให้ดูอีก ชาจังมยอนเป็นอาหารเกาหลีที่ได้รับอิทธิพลมาจากจีนจึงไม่แปลกว่าทำไมร้านที่เฮียเว่นทำอยู่ มันถึงอยู่ในไชน่าทาวน์เกาหลี ส่วน

ประกอบจ้า
1.เส้น - จะใช้เส้นอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็น โซบะ อุด้ง แนงมยอน แล้วแต่ความชอบจ้า2.짜장 (Black bean paste) - เป็นอะไรที่ราคาแพงหูฉี่เลยทีเดียวและหาค่อนข้างยาก ถ้าแปลตามตรงมันคือ "ซอสถั่วดำ" (แปลจากภาษาอังกฤษอ่าค่ะ) บางครั้งเวลาเราไม่มีเงินซื้อก็จะใช้ซีอิ๊วดำแทนอ่ะค่ะ --*--3. หัวหอม - มันก็คือหัวหอมธรรมดา จานละ 204.แตงกวา ซุคคินี่ (zucchin) - แตงกวาที่ผิวนอกจะมีเหมือนขนเล็กๆคอยทิ่มมือเรา ลักษณะคล้ายแตงร้าน หรือแตงกวาอันยาวๆ5.เนื้อสัตว์ - หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จะใช้อะไรก็ได้แล้วแต่ความชอบเลยค่ะ6.ซอสถั่วเหลือง (ชุนจัง) - (--*-- ) จะให้อธิบายไงดีล่ะเนี่ยยย***รูปร่างหน้าตาของกระปุก "ชาจัง" หรือซอสถั่วดำจ้า





วิธีทำ

1.หั่นเนื้อสัตว์ตัวดีของเราเป็นชิ้นเล็กๆๆๆ หั่นหัวหอมกับแตงกวาซุคคินี่เป็นชิ้นเล็กๆหรือเป็นเส้นเล็กๆ แล้วแต่ตามใจอิฉันเลยจร้า2.นำเนื้อสัตว์ลงไปผัดใส่น้ำตามเล็กน้อยพอไม่ให้ติดกะทะ ใส่หัวหอม แตงซุคคินี่ และพระเอกของเรา!! ซอสชาจัง (หรือซีอิ๊วดำยามคลาดแคลนทุน) 3.ผัดมันให้เละ ผัดมันให้เข้ากัน ปรุงรสตามใจชอบบบบ (อย่าตกใจถ้ามันเป็นสีดำ)4.ลวกเส้นให้พอสุกประมาณ 3-5 นาที (ความนานแล้วแต่ขนาดของเส้นด้วยค่ะ) นำเส้นไปจุ่มลงในน้ำเย็นจัดๆ เทใส่จานแล้วราดน้ำซอสที่เราเพิ่งผัดเสร็จเดือดปุดๆๆๆลงไป เป็นอันว่าเสร็จพร้อมโซ้ยเจ้าค่ะ (เทซอสลงจานนะคะไม่ใช่เทใส่ปาก อย่าใจร้อนนนน )***คำแนะนำเละๆน้อยๆ --- เวลากินปากจะเลอะง่ายมากๆ เพราะฉะนั้นควรทานคนเดียวอยู่ที่ไหนก็ได้ไม่ให้คนเห็น ไม่งั้นเค้าจะนึกว่าเราเป็นผีปอบ โดนเฉพาะถ้าเป็นตอนกลางคืน เหอเหอเหอ

อาหารสำหรับวัยทอง ยาอายุวัฒนะ ยาอายุยืน อาหาร อาหารเพื่อสุขภาพ

Author: woranut00@gmail.com // Category:
วัย

ทองของคนโดยเฉพาะเพศหญิง แบ่งเป็นวัยทารก วัยเด็ก วัยรุ่นวัยใหญ่ วัยกลางคน และก็วัยทองอันเป็นวัยก่อนสู่วัยชรา วัยเหล่าน้วัดจากการเปลี่ยนแปลงด้านสรีระเป็นสำคัญ ส่วนวุฒิภาวะนั้นไม่อาจวัดจากอายุได้ เพราะเป็นการพัฒนาที่ได้มาด้วยวิถีชีวิตประสบการณ์ หน้าที่การงานเป็นสำคัญ

วัยทองนั้นมีทั้งหญิงและชาย เพราะเป็นวัยที่ประสบเคราะห์กรรมมากมายในเรือนร่างโครงสร้างทุกส่วนของร่างกาย วัยนี้วัดกันที่ช่วงอายุ 40-45-50-55ปีทั้งนี้มีเรื่องภาวะการหมดประจำเดือนเมื่ออายุ40ปี เท่านั้น บางคนเริ่มหมดอายุ 40ปีเท่านั้น บางคนเริ่มหมดอายุ 45ปี ช่วงสำคัญที่หมด่ทางการแพทย์กำหนดการหมดประจำเดือนที่สมควรแก่ร่างกาย คือช่วง 45-55 ปี ดั้งนั้นสตรีที่มีจำนวนมากจึงเริ่มมีภาวะหมดประจำเดือนเมื่ออายุ50 ปีเป็นต้นไป
อาการหมดประจำเดือนเกี่ยวข้องกับเคราะห์กรรมร่างกายดั้งนี้ เกิดภาวะร้อนวูบวาบฉับพลัน เกิดภาวะเคลียดโดยไม่มีวาเหตุ เกิดภาวะเลือดตกมากผิดปกติอันนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง เกิดภาวะกระดูกบางกระดูกพรุน เกิดภาวะผิวบางผิวเหี่ยว (ผู้หญิงทุกวัยกลัวนักแล)
ซึ่งนำไปสู่ชราภาพ ผิวตกกระดำหรือกระขาว ผมร่วงไม่งอกอีกแล้วจึงทำให้ผมบาง

อาการเหล่านี้ป้องกันหรือบรรเทาได้ด้วยอาหาร อาหารการกินที่เหมาะสมกับผู้หญิงวัยทองยังสามารถป้องกันโรคอันสืบเนืองจากวัย เช่น โรคหลงลืม
โรคความดัน โรคหัวใจ โรคกระดูกพรุนกระดูกบาง โรคเบาหวาน เป็นต้น

สารอาหารจากอาหารธรรมชาติ คือ
ยาวิเศษทำให้เรารับประทานยาวิเศษได้อย่างอร่อย เป็นการบำรุงจิตใจให้แช่มชื้นด้ววยรสโอชะหน้าตาหน้ากินของอาหารนั้นๆ